การป้องกันโรคแผลริมอ่อน หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรค

 

  • การป้องกัน

      • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรค ซึ่งจะเป็นวิธีการป้องกันการเกิดโรคแผลริมอ่อนได้ดีที่สุด

      • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลที่อวัยวะเพศ แผลริมอ่อน

      • หากเป็นแผลที่อวัยวะเพศควรงดการมีเพศสัมพันธ์

      • หลีกเลี่ยงการเที่ยวกลางคืนหรือการสำส่อนทางเพศ และถ้าจะหลับนอนกับคนที่สงสัยว่าเป็นโรคก็ควรจะสวมถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง

      • ควรรักษาความสะอาดของอวัยวะเพศ (ฟอกล้างด้วยสบู่) หลังการมีเพศสัมพันธ์เสมอ (การดื่มน้ำก่อนร่วมเพศและถ่ายปัสสาวะทันทีหลังร่วมเพศ หรือการฟอกสบู่ทันทีหลังร่วมเพศ อาจช่วยลดการติดเชื้อลงได้บ้าง แต่ไม่ใช่ว่าจะได้ผลทุกราย)

      • การกินยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคภายหลังร่วมเพศอาจได้ผลบ้าง แต่ต้องใช้ยาชนิดและขนาดเดียวกันกับที่ใช้รักษา ซึ่งดูแล้วจะไม่คุ้ม สู้รอให้มีอาการแสดงออกมาแล้วค่อยรักษาไม่ได้

      • หมั่นออกกำลังกายและรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)

    การรักษา

        เมื่อมีแผลเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศหรือมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ควรรีบไปพบแพทย์ก่อนเสมอเพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะแผลที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศเกิดได้จากหลายโรค ซึ่งอาจต้องใช้ยารักษาคนละชนิดกัน และถ้าใช้ยาไม่ถูกต้องก็อาจทำให้เชื้อดื้อยาได้
           การรักษาทั่วไปและการดูแลตนเองในเบื้องต้น ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวดังนี้

      • เมื่อเป็นโรคนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องรักษาคู่นอนควบคู่ไปด้วยเสมอเพื่อไม่ให้โรคเกิดขึ้นซ้ำอีก

      • ควรดูแลรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอยู่เสมอ

      • ควรรักษาแผลเฉพาะที่ด้วยการใช้น้ำเกลือชะล้าง (เป็นน้ำเกลือสำหรับใช้ล้างแผล) แล้วเช็ดทำความสะอาดแผลให้แห้งอยู่เสมอ ถ้ามีความชื้นอาจมีโรคแทรก แค่ล้างแผลก็เพียงพอแล้วโดยไม่ต้องใส่ยาอะไรทั้งสิ้น ส่วนยาเพนิซิลลินหรือซัลฟาใส่แผลก็ไม่ควรใช้ เพราะอาจทำให้แพ้ได้ง่าย

      • รับประทานยาแก้ปวดและยาลดไข้

      • งดมีเพศสัมพันธ์ในขณะมีแผลจนกว่าแผลจะหายเป็นปกติ

      • งดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นสาเหตุทำให้ขาดสติ จึงเพิ่มโอกาสติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทุกชนิดเพิ่มขึ้น

ภาวะแทรกซ้อน

    • มีโอกาสติดเชื้อโรคเอดส์ได้ง่ายขึ้น

    • อาจมีผลพวงจากการเป็นแผลที่มีการติดเชื้อชนิดอื่น ๆ ซ้ำได้ แม้จะรักษาครบแล้ว ทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็น แผลดึงรั้ง บริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ในอนาคตได้

    • อาจทำให้เป็นแผลดึงรั้งจนเกิดภาวะหนังหุ้มปลายองคชาตตีบตัน (Phimosis)

    • ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบแตกเป็นหนองไหลออกมา หากไม่รักษาภายใน 5-8 วันหลังจากเกิดแผล เมื่อแผลหายแล้วอาจทำให้เป็นแผลเป็นได้

    • แผลอาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้

    • มีทางทะลุ (Fistula) คือมีท่อและมีหนองไหลตลอดเวลาติดต่อระหว่างอวัยวะที่ติดโรคหรือเป็นแผล เช่น ช่องคลอดกับทวารหนัก ท่อปัสสาวะกับผิวหนัง เป็นต้น

    • ในรายที่เป็นรุนแรง อาจทำให้อวัยวะเพศแหว่งหายได้ หรือที่คนไทยเรียกว่า “โรคฮวบ“

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ดูหนังออนไลน์ ดียังไง

ดูหนังออนไลน์ ดียังไง

พร้อพเพอร์ตี้ โฮม บิลเดอร์ (Property Home Builder) รับสร้างบ้าน ด้วยคุณภาพของแบบบ้านและงานก่อสร้าง